ใช้แบบเดิมเช็กสัมภาระ เพิ่มเอ็กซเรย์2เครื่อง แก้วิกฤติดอนเมือง

  • 11 May 2020
  • 1195
หางาน,สมัครงาน,งาน,ใช้แบบเดิมเช็กสัมภาระ เพิ่มเอ็กซเรย์2เครื่อง แก้วิกฤติดอนเมือง

ทอท.ถกกรมการบินพลเรือน หลังเกิดปัญหาล่าช้าในการตรวจสัมภาระที่สนามบินดอนเมือง ได้ข้อสรุปยอมกลับไปใช้ระบบตรวจกระเป๋าแบบเดิม แต่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่ม ด้านประธานบอร์ด ทอท.ตกใจคิวยาว เล็งขอกรมการบินพลเรือนเพิ่มเครื่องเอกซเรย์ 2 เครื่อง จัดระบบคิวใหม่แยกผู้โดยสารในและต่างประเทศออกจากกัน พร้อมเร่งเปิดอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ ก.ย.นี้ มั่นใจแก้ปัญหาแออัดได้ ขณะที่ 3 องค์การบินใหญ่ “ICAO-FAA-EASA” ห่วงปัญหา “บั้งไฟ-โคมลอย” เรียกร้องไทยจัดการด่วน

หลังจากเกิดปัญหาความล่าช้าในการให้บริการตรวจสัมภาระผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานดอนเมือง มาตลอดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้โดยสารต่อแถวยาวจนบางรายเกือบไปขึ้นเครื่องบินไม่ทัน ต่อมาเมื่อช่วงสายวันที่ 20 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ว่ามีการประชุมร่วมระหว่าง ทอท.กับกรมการบินพลเรือน เพื่อแก้ปัญหาผู้โดยสารรอคิวเอกซเรย์สัมภาระเป็นเวลานาน ซึ่งพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการปรับระบบการรักษาความปลอดภัยใหม่ของกรมการบินพลเรือน ที่ต้องตรวจเอกซเรย์กระเป๋าทุกใบ ซึ่งทาง ทอท.ได้เสนอให้กลับไปใช้การตรวจกระเป๋าแบบเดิม คือ ตรวจเฉพาะกระเป๋าที่ต้องการโหลดใต้ท้องเครื่องบินเท่านั้น เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการให้บริการ แต่จะมีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยพิเศษเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้เกิดการสลับสิ่งของเข้าไปในกระเป๋าที่ต้องโหลด ซึ่งในเบื้องต้น กรมการบินพลเรือนยอมรับกับเงื่อนไขนี้ ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.นี้เป็นต้นไป ทอท.จะเอกซเรย์กระเป๋าด้วยวิธีเดิม ซึ่งจะบรรเทาปัญหาคิวยาวได้ แต่ขณะเดียวกันกรมการบินพลเรือนจะขอตรวจความเรียบร้อยของสนามบินดอนเมืองต่อไปอีก 1 สัปดาห์

จากนั้น นายประสงค์ พูนธเนศ ประธานคณะกรรมการ ทอท. ได้กล่าวว่า รู้สึกตกใจกับภาพผู้โดยสารต่อคิวเข้าตรวจเอกซเรย์ที่สนามบินดอนเมือง ซึ่งจากการหารือกับกรมการบินพลเรือนเพื่อแก้ปัญหานี้ แนวทางการแก้ไขปัญหา ขณะนี้ ทอท.กำลังปรับปรุงอาคารเทียบเครื่องบิน หมายเลข 5 และปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร อาคาร 2 ที่จะเสร็จเดือน ส.ค. และเปิดใช้เป็นทางการเดือน ก.ย.58 รองรับผู้โดยสารได้เพิ่มจาก 18.5 ล้านคน เป็น 30 ล้านคน ขณะเดียวกัน มีการแยกผู้โดยสารทั้งในและระหว่างประเทศ ทั้ง 2 อาคาร พร้อมกับติดตั้งระบบเอกซเรย์ที่มีจอมองเห็นสัมภาระภายในกระเป๋าได้เลย ซึ่งจะทำให้เอกซเรย์ได้รวดเร็ว และแก้ปัญหาสนามบินดอนเมืองแออัดได้

นายประสงค์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ได้หารือกับกรม การบินพลเรือน โดย ทอท.ได้เสนอแนวทางแก้ไขเบื้องต้น รวมถึงอาจขอเพิ่มเครื่องเอกซเรย์กระเป๋าอีก 2 เครื่อง พร้อมกับมีการจัดระบบคิวใหม่ โดยแยกจุดตรวจกระเป๋าสัมภาระ ระหว่างผู้โดยสารที่เดินทางเที่ยวบินภายในประเทศ กับเที่ยวบินระหว่างประเทศออกจากกัน ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารในประเทศ สามารถเดินทางได้ไวขึ้น แต่การรักษาความปลอดภัยและการตรวจกระเป๋ายังได้มาตรฐานความปลอดภัยเหมือนเดิม

“ขอปฏิเสธว่าเรื่องการเพิ่มมาตรการตรวจกระเป๋าไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีการพกปืนของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น.แต่เป็นเรื่องที่ต้องทำตามมาตรการการรักษาความปลอดภัยที่กรมการบินพลเรือนกำหนดให้เข้ากับมาตรฐานสากล และรองรับการที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอซีเอโอ) เข้ามาตรวจโครงการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัย (ยูแซป) ภายในท่าอากาศ– ยานสนามบิน ในปีหน้าด้วย” นายประสงค์กล่าว

ขณะที่ นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ก็ยอมรับว่า มาตรการที่ประกาศไปนั้นมีความผิดพลาดในเรื่องของการไม่ได้ประเมินถึงสถานการณ์ในช่วงวันหยุดว่าจะมีผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก รวมถึงไม่ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องของเครื่องมือและเจ้าหน้าที่ แต่ในวันที่ 20 ก.ค.ได้สั่งให้นำเครื่องเอกซเรย์ขนาดเล็กซึ่งมีสำรองอยู่ 2 เครื่อง ไปติดตั้งทันที พร้อมกับสั่งเพิ่มเจ้าหน้าที่ในบริเวณจุดตรวจค้นดังกล่าว เพื่อช่วยแบ่งเบาการรอคิวเป็นจำนวนมากได้ ซึ่งการเพิ่มมาตรการดังกล่าวว่า เนื่องจากกรมการบินพลเรือน (บพ.) ได้เข้ามาตรวจสอบระบบความปลอดภัยของท่าอากาศยานดอนเมืองและพบช่องโหว่ที่อาจทำให้ผู้ไม่หวังดีลักลอบนำระเบิดใส่ไว้ในกระเป๋าสัมภาระที่จะโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้ เนื่องจากช่วงที่กระเป๋าสัมภาระผ่านจุดตรวจค้นและเครื่องเอกซเรย์ ซึ่งเป็นการตรวจสอบด้วยสายตา จากนั้นจะมีการติดสติกเกอร์แผ่นบางๆ เท่านั้น แต่ในระหว่างที่นำกระเป๋าเข้าไปเช็กอิน ซึ่งมีระยะทางประมาณ 10 เมตร มีการตั้งข้อสังเกตว่าช่วงนี้ผู้โดยสารสามารถนำสิ่งของต้องห้ามหรือวัตถุระเบิดลักลอบใส่ไว้ในกระเป๋าสัมภาระได้ ดังนั้น ทอท.จึงต้องปรับเพิ่มมาตรการความปลอดภัยให้ผู้โดยสารทุกคนที่จะผ่านไปยังจุดเช็กอินจะต้องนำกระเป๋าสัมภาระทุกชิ้นตรวจผ่านเอกซเรย์ก่อน

นายนิตินัยกล่าวอีกว่า มาตรการดังกล่าวจะบังคับใช้กับสนามบินของ ทอท.ทั้ง 5 แห่ง คือท่าอากาศยานดอนเมือง เชียงใหม่ เชียงราย (แม่ฟ้าหลวง) ภูเก็ต และหาดใหญ่ ซึ่งไม่มีการใช้ระบบการตรวจสอบวัตถุระเบิดซีทีเอกซ์ในขณะที่ท่าอากาศยานอื่นๆ มีการใช้มาตรการดังกล่าวอยู่แล้ว จึงไม่เกิดปัญหาวุ่นวาย เนื่องจากแต่ละสนามบินมีการเข้มงวดในการตรวจสอบสิ่งของสัมภาระของผู้โดยสารที่จะผ่านเข้าไปในสนามบินอยู่แล้ว ยกเว้นสนามบินดอนเมือง

อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวไปสังเกตการณ์ที่สนามบินดอนเมืองตั้งแต่ช่วงเช้า รายงานว่ายังคงพบผู้โดยสารที่เข้าจุดตรวจเช็กอินต่างต่อแถวรอกันอย่างยาวเหยียด ไม่ต่างจากช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะต้องถูกตรวจค้นและเอกซเรย์กระเป๋าสัมภาระทุกชิ้นไม่ว่าจะนำขึ้นเครื่องหรือโหลดใต้เครื่อง ทำให้ใช้เวลาในการเข้าแถวรอนานพอสมควร สร้างความไม่พอใจให้กับผู้โดยสารบางราย จนกระทั่งเวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่จึงได้ปรับวิธีเพื่ออำนวยความสะดวกต่อผู้โดยสาร ด้วยการยกเลิกตรวจสัมภาระในส่วนที่ไม่ต้องโหลดใต้เครื่อง ทำให้จำนวนแถวเข้าคิวของผู้โดยสารไหลลื่นขึ้นทันที

นอกจากนี้ วันเดียวกันที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมานางปาริชาต คชรัตน์ อธิบดีกรมการบินพลเรือน มาพบตนและอธิบายให้ฟังถึงกรณีที่ 3 หน่วย ประกอบด้วย องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) องค์กรบริหารการบินแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (FAA) และองค์กรความร่วมมือด้านการบิน ในกลุ่มสหภาพยุโรป (EASA) เรียกร้องให้ไทยแก้ปัญหาเกี่ยวกับมาตรฐานการบิน รวมกันประมาณ 500 เรื่อง หลายเรื่องดำเนินการแล้ว เหลือเรื่องใหญ่อยู่ 4 เรื่อง ซึ่งตนจะช่วยดูกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และสิ่งที่หน่วยงานเหล่านี้เป็นห่วง คือ เรื่องบั้งไฟ โคมลอย วิทยุการบิน และอุตุนิยมวิทยาทางอากาศ แต่เราสามารถแก้ได้

จากนั้น เวลา 18.00 น. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) นางปาริชาต คชรัตน์ อธิบดีกรมการบินพลเรือน (บพ.) นายทรงศักดิ์ ทองแท่ง ผอ.ท่าอากาศยานดอนเมือง เดินทางมายังสนามบินดอนเมืองและร่วมตรวจความพร้อมของมาตรการค้นและเอกซเรย์กระเป๋าสัมภาระ โดย พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า สาเหตุที่ต้องตรวจเข้มที่สนามบินดอนเมือง เพราะสภาพพื้นที่มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการนำสิ่งของใส่สัมภาระหลังผ่านเครื่องตรวจแล้ว จึงต้องมีการตรวจสัมภาระทุกชิ้น แต่ปรากฏว่าได้รับเสียงคัดค้านจากผู้โดยสารที่เสียเวลานาน จึงตัดสินใจยกเลิกและกลับไปใช้การตรวจสอบสัมภาระแบบเดิมไปก่อนทั้งในเที่ยวบินระหว่างประเทศและในประเทศ นอกจากนี้ เพิ่มเจ้าหน้าที่จำนวน 32 คนต่อกะ แบ่งการทำงานเป็นช่องละ 2 คน เฝ้าระวังการตรวจสัมภาระ หากพบกระเป๋าที่ผ่านเครื่องสแกนมีการเปิดกระเป๋าหรือสติกเกอร์ที่ติดสัญลักษณ์ผ่านการตรวจแล้ว ฉีกขาดระหว่างที่รอเช็กอิน เจ้าหน้าที่จะนำกระเป๋าของผู้โดยสารมาตรวจและสแกนสัมภาระใหม่ อย่างไรก็ดี นี่เป็นเพียงการแก้ปัญหาระยะสั้น การแก้ปัญหาในระยะกลางและระยะยาว ทาง ทอท. บพ. และสนามบินดอนเมือง จะร่วมประชุมหาข้อสรุปกันอีกครั้ง

JOBBKK.COM © Copyright All Right Reserved

Jobbkk has only one website. In no case, we have an affiliate, agent or appointee. Please do not rely on any other website, email, telephone, SMS or other contacting channel. If it is a case, we will prosecute under a lawsuit in the upmost as allowed. DBD

Top